กลับมาเขียนอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน แม้ว่าจะไม่ได้เขียนนานแล้วก็เถอะ แต่คนเขียนก็ยังจำเรื่องราวที่จะมาเขียนได้เป็นฉากๆ เลยทีเดียว(โม้) ขอไม่ร่ายยาวละกัน เด๊่ยวคนอ่านจะเบื่อซะก่อน
วันที่ 15 อ้าาาาา วันนี้เป็นวันเสาร์สินะ สินะ สินะ ตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส อาบน้ำกินข้าว(เที่ยง) ก็ไปเรียนพิเศษภาษาญี่ปุ่น ด้วยความที่เป็นคนนอนดึกตื่นเช้า ระหว่างเรียนจึงได้ทำการรวบรวมสมาธิ เข้าฌานรวบรวมสมาธิ เข้าเฝ้าพระอินทร์(หลับ) พอเวลาล่าวงมาบ่าย 4 โมงเย็น เราก็เลิกเรียนญี่ปุ่นด้วยความสดใส(เพิ่งตื่นนั่นเอง !) กลับถึงบ้าน ฝนตกหนักเ แต่เราก็ไม่รอช้า กดปุ่ม Start เครื่องสมองกล สุดที่รัก เปิด Skype ทักทายเพื่อนๆ และ ที่ขาดไม่ได้ เข้าเกม League of Legends โดยพลัน !
แล้วเวลาแห่งความสุขก็หมดลง ได้ยินเสียงที่คุ้นหูของแม่ตะโกนขึ้นมา "ปวีร์ น้ำท่วม !!!!" ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะคิดว่าเป็นการหยอกล้อธรรมดา แต่หลังจากได้ยินเสียงวิ่งกันอลหม่าน รู้สสึกสะดุ้ง แล้ววิ่งลงไปชั้นล่างบริเวณหน้าบ้าน พบว่าน้องน้ำมาเยี่ยมแล้ว !! ถังขยะหน้าบ้านทั้ง 2 ใบ โดน(น้ำ)ขโมยไปแล้ว หน้าเป็นเป็นดั่งทะเลเลยทีเดียว ไม่รู้เพราะอะไร รู้สึกอยากไปเซ่เว่นมากตอนนั้น แต่! เราต้องให้ความสนใจเรื่องน้ำท่วมก่อนอื่น เอาผ้าใบมากางกันน้ำหน้าบ้าน ดุจากโครงสร้างทางกายภาพแล้ว คงกันน้ำ(แข็ง)พอไหว กำลังยืนดูลาดเลาหน้าบ้าน ได้เห็นรถกระบะ 1 ea ขับฝ่าเข้ามาด้วยความเร็วสูงฝ่าน้ำมา(เงิบ) พัดน้ำเข้าบ้าน สรุปว่าต้องมาเช็ดน้ำจริงๆรึเนี่ย หลังจากน้ำก็นั่งดูคลื่นซัดฝั่งจนฝนสงบลง ก็ได้ส่งหน่วยกู้ภัยประจำบ้าน(ไม่พ้นหน้าที่เรา) ออกไปเก็บกู้ถังขยะกลับมา ถังขยะลอยไปถึงหน้าปากซอย แต่ด้วยปาฏิหารย์ของเทพเจ้ายาราไนก้า ทำให้ถังไม่จม !! ขยะข้างในไม่ล้นออกมาเลย (ของเค้าดีจริงๆ จงซื้อเทพยาราไนก้าไปชาบูว์ซะ) หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น ก็ได้อยากทำสิ่งที่ใฝ่ฝัน บุกเซเว่นตอนน้ำท่วม ! เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เข้าเซเว่นเท้าเปล่า และเป็นคนเดียวที่เท้าเปล่าในเซเว่น อ้าาาา ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ หลังจากกลับบ้านพร้อมน้ำลดแล้ว ก็อาบน้ำนอนทันที (เพลีย)
ขอจบไว้เท่านี้ก่อนละกัน เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องสอบแล้วยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย จะได้ไปนอน (ฮา)
Tuesday, September 25, 2012
Sunday, September 16, 2012
ไดอารี่ ใน Blog วันที่ 14 เดือน 9
ก่อนจะพูดถึงในไดอารี่ ตัวคนเขียนเนี่ยต้องการพื้นที่ตรงหัวซักนิดละกัน เป็นเหมือนคำนำ อะไรประมาณนี้ล่ะมั้ง ใครที่ทนอ่านมาถึงจุดนี้ ถ้ารีบร้อนลงไปอ่านข้างล่างเอานะครับ ขอบ่นก่อน เผื่อเขียนดีขนาดมีคนเข้ามาชมเยอะๆ เราจะได้รับจ็อบโฆษณาไปด้วยเลย(ฝัน) ส่วนใครหลงมา ถ้าไม่อ่านก็กดกากบาทด้านบนนะครับ พอดีเจ้าของบล็อกอินดี้นะฮะ
ความจริงบล็อกของวันที่ 14 เนี่ย เพิ่งมาเขียนตอนวันที่ 16 ก่อนเที่ยงคืนนิด ยอมรับเลยว่า ลืมครับ นึกได้จึงหยิบ Xperia S คู่ใจมาอัพบล็อกย้อนหลังด้วยความง่วงเล็กน้อย ถึงจอจะเล็กพิมพ์ยากไปหน่อยก็เถอะ
เริ่มที่วันที่ 14 ซึ่งผ่านมา 2 วัน ซึ่จำได้เลือนลางๆ(คนเขียนความจำปลาทองจริงๆนะ) อยากบอกว่า ธรรมดาวันนึงเนี่ย ชีวิตผมเป็นคนที่น่าเบื่อพอตัวเลย ไม่มีอะไรให้เขียนจริงๆ
ขณะกำลังหลับสบายๆ เสียงที่ใจนึงก็อยากฟัง แต่อีกใจนึงไม่อยากจะฟังก็บรรเลงขึ้น อุตส่าห์ไว้วางใจให้มันปลุกเราแท้ๆ ดั๊นนน ทำให้เราเซ็งแต่เช้าเลย ไม่ชอบเลย ไอ้การตื่นแต่เช้าเนี่ย เมื่อไหร่ โรงเรียนทั่วประเทศไทย มันจะเข้าเรียนตอนเที่ยงเนี่ย ลืมตาขึ้นมา ในสภาพนอนตะแคง นั่งจ้อง เอ้ย นอนจ้องกับโปสเตอร์โมเอะ ข้างฝาอยู่ 0.262747292 วินาที แล้วใช้กำลังกายอันน้อยนิด เอื้อมไปหยิบเจ้าสิ่งต้นตอ ของคลื่นความถี่ ที่พรั่งพรูเข้ามาในหู มันคือ โทรศัพท์(เกือบ)อัจฉริยะ ของผมเอง หยิบขึ้นมาใจคิดว่าจะปิดๆ แล้วนอนต่อซะ แต่พอมองดูหน้าจอ ก็ถึงกับ ติดสตั๊นต์ บนหน้าจอมีอักษระเขียนไว้ว่า " Solve math problem to disable alarm" แปลง่ายๆก็ แก้โจทย์คณิตให้เค้าหน่อยนะเตง(วิบัติมาจาก ตัวเอง) ไม่งั้นจะไม่ยอมหยุดปลุกนะเออ สมองของข้าพเจ้าตอนเพิ่งตื่นนั้น ไร้ซึ่งกำลัง ในการคิดคำนวณพอตัว ในใจคิดว่าคงน่าจะพอไหว ก้มลงไปมองโจทย์ แทบจะอ้วกออกมาเป็นแคลคูลัส โจทย์ถามว่า "รากที่ 3 ของ 2 คูณ 3 หารด้วย เศษ 5 ส่วน 3 ได้เท่าไหร่"
เงิบ
หลังจากใช้ท่าไม้ตาย (ปิดเครื่อง) ในที่สุดก็งัดแงะ แกะกระชาก ร่างที่าภาพเฉกเช่น ซอมบี้ไปอาบน้ำแปรงฟัน และทานอาหารเช้า หลังจากนั้นก็ไปนั่งรอรถตู้ที่ท่ารถเมล์ เนื่องจากง่วงแล้ว จะรวบรัดหน่อยละกัน พอถึงโรงเรียน ก็มีเพื่อน A นามสมมติ มาทัก "เฮ้ย xึง ทำการบ้าน อาจารย์ Z นามสมมติยัง" ความรู้สึกตอนที่ได้ยิน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนาย ก แล้วโดนถามถึงนโยบายตอนที่หาเสียง แบบ ห๊ะ มีด้วยเหรอ วันนั้นทั้งที่โรงเรียนจึงจบด้วยการป้่นการบ้านมันทุกคาบ ทำไปประมาณ 3 วิชา(ยังเสร็จไม่หมดด้วยนะนั่น) หลังจากกลับบ้าน รีบกินข้าวดสร็จ ก็ม้วนหน้า ตีลังกา 4 ตลบ โดดลงหน้าโต๊ะคอมโดยพลัน แม้การบ้านจะเยอะ ก็หยุดตัวข้าพเจ้าจากการกด League of Legends ไม่ได้ดอก วะฮะฮ่าาา เสร็จแล้ว ก็ไปนอน จบ
ง่วงนอนแล้ว ไปนอนดีกว่า
ความจริงบล็อกของวันที่ 14 เนี่ย เพิ่งมาเขียนตอนวันที่ 16 ก่อนเที่ยงคืนนิด ยอมรับเลยว่า ลืมครับ นึกได้จึงหยิบ Xperia S คู่ใจมาอัพบล็อกย้อนหลังด้วยความง่วงเล็กน้อย ถึงจอจะเล็กพิมพ์ยากไปหน่อยก็เถอะ
เริ่มที่วันที่ 14 ซึ่งผ่านมา 2 วัน ซึ่จำได้เลือนลางๆ(คนเขียนความจำปลาทองจริงๆนะ) อยากบอกว่า ธรรมดาวันนึงเนี่ย ชีวิตผมเป็นคนที่น่าเบื่อพอตัวเลย ไม่มีอะไรให้เขียนจริงๆ
ขณะกำลังหลับสบายๆ เสียงที่ใจนึงก็อยากฟัง แต่อีกใจนึงไม่อยากจะฟังก็บรรเลงขึ้น อุตส่าห์ไว้วางใจให้มันปลุกเราแท้ๆ ดั๊นนน ทำให้เราเซ็งแต่เช้าเลย ไม่ชอบเลย ไอ้การตื่นแต่เช้าเนี่ย เมื่อไหร่ โรงเรียนทั่วประเทศไทย มันจะเข้าเรียนตอนเที่ยงเนี่ย ลืมตาขึ้นมา ในสภาพนอนตะแคง นั่งจ้อง เอ้ย นอนจ้องกับโปสเตอร์โมเอะ ข้างฝาอยู่ 0.262747292 วินาที แล้วใช้กำลังกายอันน้อยนิด เอื้อมไปหยิบเจ้าสิ่งต้นตอ ของคลื่นความถี่ ที่พรั่งพรูเข้ามาในหู มันคือ โทรศัพท์(เกือบ)อัจฉริยะ ของผมเอง หยิบขึ้นมาใจคิดว่าจะปิดๆ แล้วนอนต่อซะ แต่พอมองดูหน้าจอ ก็ถึงกับ ติดสตั๊นต์ บนหน้าจอมีอักษระเขียนไว้ว่า " Solve math problem to disable alarm" แปลง่ายๆก็ แก้โจทย์คณิตให้เค้าหน่อยนะเตง(วิบัติมาจาก ตัวเอง) ไม่งั้นจะไม่ยอมหยุดปลุกนะเออ สมองของข้าพเจ้าตอนเพิ่งตื่นนั้น ไร้ซึ่งกำลัง ในการคิดคำนวณพอตัว ในใจคิดว่าคงน่าจะพอไหว ก้มลงไปมองโจทย์ แทบจะอ้วกออกมาเป็นแคลคูลัส โจทย์ถามว่า "รากที่ 3 ของ 2 คูณ 3 หารด้วย เศษ 5 ส่วน 3 ได้เท่าไหร่"
เงิบ
หลังจากใช้ท่าไม้ตาย (ปิดเครื่อง) ในที่สุดก็งัดแงะ แกะกระชาก ร่างที่าภาพเฉกเช่น ซอมบี้ไปอาบน้ำแปรงฟัน และทานอาหารเช้า หลังจากนั้นก็ไปนั่งรอรถตู้ที่ท่ารถเมล์ เนื่องจากง่วงแล้ว จะรวบรัดหน่อยละกัน พอถึงโรงเรียน ก็มีเพื่อน A นามสมมติ มาทัก "เฮ้ย xึง ทำการบ้าน อาจารย์ Z นามสมมติยัง" ความรู้สึกตอนที่ได้ยิน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนาย ก แล้วโดนถามถึงนโยบายตอนที่หาเสียง แบบ ห๊ะ มีด้วยเหรอ วันนั้นทั้งที่โรงเรียนจึงจบด้วยการป้่นการบ้านมันทุกคาบ ทำไปประมาณ 3 วิชา(ยังเสร็จไม่หมดด้วยนะนั่น) หลังจากกลับบ้าน รีบกินข้าวดสร็จ ก็ม้วนหน้า ตีลังกา 4 ตลบ โดดลงหน้าโต๊ะคอมโดยพลัน แม้การบ้านจะเยอะ ก็หยุดตัวข้าพเจ้าจากการกด League of Legends ไม่ได้ดอก วะฮะฮ่าาา เสร็จแล้ว ก็ไปนอน จบ
ง่วงนอนแล้ว ไปนอนดีกว่า
Monday, September 10, 2012
เกร็ดความรู้ 03 : จากวอลมาร์ท (Walmart) ถึง โลตัส (Lotus)
วอลมาร์ท เป็นชื่อของร้านค้าแนวดิสเคาน์สโตร์สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งสาขาแรก ที่มลรัฐอาคันซอ (Arkansas) ในปี พ.ศ. 2505 โดย แซม วอลตัน (Sam Walton) เพื่อเป็นร้านขายของราคาถูก ปัจจุบันใช้สโลแกนว่า "Save Money Live Better" แทนสโลแกนเดิม คือ "Always Low Prices, Always" ซึ่งใช้มาก่อนหน้านี้ 19 ปี วอลมาร์ทยังเป็น "ต้นแบบ" ของร้านค้าประเภทเดียวกันนี้ เช่น เทสโกโลตัส และคาร์ฟูร์ ในอดีตโลตัสของซีพีที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 ก็ได้นำคนจากวอลมาร์ท เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและวางระบบให้ ในครั้งนั้นวอลมาร์ทเกือบจะเข้ามาขยาย การลงทุนในไทย แต่ก็เลือกไปที่จีนแทน เพราะเห็นโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่กว่า ภายหลังกลุ่มเทสโก้เข้ามาเทคโอเวอร์โลตัส และเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้โลตัส ต่อมาเมื่อมีการร่วมทุนจากต่างประเทศกับกลุ่มค้าปลีกไทยมากขึ้น จึงส่งผลให้ ร้านค้าปลีกในแบบดิสเคาน์สโตร์หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย ขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่าวอลมาร์ทจะไม่มีสาขาในประเทศไทย แต่ในฐานะที่มียอดขายรวมมากที่สุดในโลก จึงถือเป็น "เบอร์ 1" และถือเป็น "ตำนาน" ของร้านค้าปลีกในแนวดิสเคาน์สโตร์ ที่มา : นิตยสาร BrandAge ฉบับเดือนกันยายน 2551, http://learners.in.th, http://en.wikipedia.org |
เกร็ดความรู้ 02 : มารู้จักกับ FBI (เอฟบีไอ)
ดูเท่ไหม?.. เวลาที่ตำรวจในหนังฮอลลีวูดพูดว่า.. "หยุดอย่าขยับนี่เจ้าหน้าที่ FBI"
เจ้าหน้าที่ FBI ก็คือตำรวจประเภทหนึ่ง แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ ว่าเจ้าหน้าที่ FBI
คือตำรวจอะไร?
FBI นั้นย่อมาจาก Federal Bureau of In vestigation เป็นหน่วยสืบสวน
คดีอาญาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1908
ชื่อเดิมคือ Bureau of Investigation
ในปี ค.ศ. 1924 ได้มีการปรับปรุงหน่วยงานขึ้นใหม่ และได้กำหนดนโยบาย
ของหน่วยงานที่ชัดเจนขึ้น และในปี ค.ศ. 1935 เปลี่ยนชื่อเป็น Federal Bureau
of In vestigation (ซื่อเดียวกับปัจจุบัน)
ีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C.) และยังมี
สำนักงานอยู่ตามเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีก 58 แห่ง ทั่วสหรัฐอเมริกา
และเปอร์โตริโก
หน้าที่หลัก คือ สอบสวน และสืบสวนคดีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เช่น การละเมิด
กฏหมายของรัฐบาลกลาง การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย เป็นต้น
เอฟบีไอมีหน่วยรวบรวมรูปพรรณบุคคล (Identification Division) และได้ตั้ง
ระบบรายงานอาชญากรรม (Criminal Report System) ซึ่งเน้นการนำหลัก
วิทยาศาสตร์ มาใช้ในการสืบสวน สอบสวน และหาพยานหลักฐาน นอกจากนั้น ยังม
ีห้องปฏิบัติการทางด้านเคมีเพื่อใช้ในการพิสูจน์หลักฐานประกอบการสืบสวนอีกด้วย
ต่อมา ขอบเขตอำนาจของเอฟบีไอได้ขยายมากขึ้น
ตามความเจริญก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน เพราะ..
เมื่อผู้ก่อการร้ายใช้วิธีใหม่ๆ ในการก่อความไม่สงบ
FBI ก็ต้องพัฒนาให้ทันเพื่อการต่อกร จึงนับว่า
เป็นองค์กรที่ต้องเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
เพื่อความสงบสุขของประชาชนสหรัฐอเมริกา
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ วันที่ 14 ตุลาคม 2551 คอลัมน์การศึกษา หมวดองค์ความรู้ภาษาไทย โดย อิสริยา เลาหตีรานนท์
เจ้าหน้าที่ FBI ก็คือตำรวจประเภทหนึ่ง แต่เคยสงสัยกันหรือไม่ ว่าเจ้าหน้าที่ FBI
คือตำรวจอะไร?
FBI นั้นย่อมาจาก Federal Bureau of In vestigation เป็นหน่วยสืบสวน
คดีอาญาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1908
ชื่อเดิมคือ Bureau of Investigation
ในปี ค.ศ. 1924 ได้มีการปรับปรุงหน่วยงานขึ้นใหม่ และได้กำหนดนโยบาย
ของหน่วยงานที่ชัดเจนขึ้น และในปี ค.ศ. 1935 เปลี่ยนชื่อเป็น Federal Bureau
of In vestigation (ซื่อเดียวกับปัจจุบัน)
ีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C.) และยังมี
สำนักงานอยู่ตามเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีก 58 แห่ง ทั่วสหรัฐอเมริกา
และเปอร์โตริโก
หน้าที่หลัก คือ สอบสวน และสืบสวนคดีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เช่น การละเมิด
กฏหมายของรัฐบาลกลาง การก่อวินาศกรรม การก่อการร้าย เป็นต้น
เอฟบีไอมีหน่วยรวบรวมรูปพรรณบุคคล (Identification Division) และได้ตั้ง
ระบบรายงานอาชญากรรม (Criminal Report System) ซึ่งเน้นการนำหลัก
วิทยาศาสตร์ มาใช้ในการสืบสวน สอบสวน และหาพยานหลักฐาน นอกจากนั้น ยังม
ีห้องปฏิบัติการทางด้านเคมีเพื่อใช้ในการพิสูจน์หลักฐานประกอบการสืบสวนอีกด้วย
ต่อมา ขอบเขตอำนาจของเอฟบีไอได้ขยายมากขึ้น
ตามความเจริญก้าวหน้าของโลกปัจจุบัน เพราะ..
เมื่อผู้ก่อการร้ายใช้วิธีใหม่ๆ ในการก่อความไม่สงบ
FBI ก็ต้องพัฒนาให้ทันเพื่อการต่อกร จึงนับว่า
เป็นองค์กรที่ต้องเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
เพื่อความสงบสุขของประชาชนสหรัฐอเมริกา
ที่มา : หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ วันที่ 14 ตุลาคม 2551 คอลัมน์การศึกษา หมวดองค์ความรู้ภาษาไทย โดย อิสริยา เลาหตีรานนท์
เกร็ดความรู้ 01 : มารยาท และวิธีทานปลาดิบ (sashimi) ให้อร่อย
ในจานปลาดิบที่มีปลา 2, 3 ชนิดรวมกันนอกนั้นจะมีสาหร่าย หัวผักกาด และอื่นๆ
รวมอยู่ในภาชนะด้วย จะคีบชิ้นไหนทานก่อนนั้นมีเคล็ดลับว่า ควรทานจากชิ้นเล็กที่สุด
จะทำให้รู้สึกอร่อยกว่าเลือกทานตามใจชอบ
อย่าละลายวาซาบิ (wasabi) ลงในน้ำโชยุ (shoyu)
เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของวาซาบิเสียไป วิธีที่แนะนำมี 2 วิธี คือ
1. ใช้วาซาบิแตะปลาดิบ แล้วจึงแตะโชยุ
2. วางก้อนวาซาบิด้านในขอบถ้วยโชยุ แล้วนำ
ปลาดิบแตะวาซาบิจากบนลงล่างเพื่อแตะโชยุ
ถ้วยใส่โชยุสามารถใช้มือถือขึ้นมาได้
แต่ให้ระวังท่าทางในการทาน
โดยในขณะยกถ้วยขึ้นมาอย่าก้มตัวเข้าหาถ้วย
และจะยกถ้วยโชยุสูงระดับอกเพื่อจะได้ไม่หยด
หรือใช้กระดาษรองกันน้ำโชยุหกใส่โต๊ะก็ได้
ในการทานนั้นตามมารยาทแล้ว
ไม่ควรแกว่งปลาดิบไปมาในถ้วยโชยุ หรือจุ่มจนท่วมชิ้นปลาดิบ
ส่วนผักเคียงในจานปลาดิบจะทานหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นการผิดมารยาท
หมายเหตุ : โชยุ คือ ซีอิ๊วญี่ปุ่น
ที่มา: หนังสือมารยาทสากลในการรับประทานอาหาร (ฝรั่ง-ญี่ปุ่น-จีน) จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ทฤษฎี
เพราะจะทำให้กลิ่นหอมของวาซาบิเสียไป วิธีที่แนะนำมี 2 วิธี คือ
1. ใช้วาซาบิแตะปลาดิบ แล้วจึงแตะโชยุ
2. วางก้อนวาซาบิด้านในขอบถ้วยโชยุ แล้วนำ
ปลาดิบแตะวาซาบิจากบนลงล่างเพื่อแตะโชยุ
ถ้วยใส่โชยุสามารถใช้มือถือขึ้นมาได้
แต่ให้ระวังท่าทางในการทาน
โดยในขณะยกถ้วยขึ้นมาอย่าก้มตัวเข้าหาถ้วย
และจะยกถ้วยโชยุสูงระดับอกเพื่อจะได้ไม่หยด
หรือใช้กระดาษรองกันน้ำโชยุหกใส่โต๊ะก็ได้
ในการทานนั้นตามมารยาทแล้ว
ไม่ควรแกว่งปลาดิบไปมาในถ้วยโชยุ หรือจุ่มจนท่วมชิ้นปลาดิบ
ส่วนผักเคียงในจานปลาดิบจะทานหรือไม่ก็ได้ ไม่ถือเป็นการผิดมารยาท
หมายเหตุ : โชยุ คือ ซีอิ๊วญี่ปุ่น
ที่มา: หนังสือมารยาทสากลในการรับประทานอาหาร (ฝรั่ง-ญี่ปุ่น-จีน) จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ทฤษฎี
Monday, September 3, 2012
Subscribe to:
Posts (Atom)